วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2562

วิธีการเดินทางท่องเที่ยวภายในโอซาก้า

วิธีการเดินทางท่องเที่ยวภายในโอซาก้า



(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

เนื่องจากโอซาก้าเพียบพร้อมไปด้วยระบบขนส่งสาธารณะครอบคลุมเกือบทั่วทั้งเมือง เราจึงสามารถนั่งรถไฟ รถไฟใต้ดิน หรือรถบัสไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆได้มากมาย เนื่องจากสถานีรถไฟหลักๆมักจะมีรถไฟวิ่งผ่านหลายสาย จึงขอแนะนำให้เช็ควิธีการเดินทางเอาไว้ก่อนล่วงหน้าจะดีที่สุด

รถไฟ JR

JR เป็นสายรถไฟที่วิ่งให้บริการทั้งทางฝั่งตะวันออก-ตะวันตก-เหนือ-ใต้ของโอซาก้า โดยเฉพาะ Osaka Station ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตกนั้นเป็นสถานีหลักที่เชื่อมระหว่างเกียวโต โกเบ และโตเกียว นอกจากนี้ Osaka Loop Line ที่วิ่งให้บริการรอบเมืองโอซาก้านับเป็นสายรถไฟที่ขาดไม่ได้ในการท่องเที่ยวโอซาก้าเลย

รถบัส & OSAKA SKY VISTA

รถบัสเมืองโอซาก้า คือ รถบัสทั่วไปที่วิ่งให้บริการเป็นรูปตารางสี่เหลี่ยมรอบเมืองโอซาก้า ส่วน OSAKA SKY VISTA ของบริษัท Kinki Bus นั้นเป็นรถบัสเปิดประทุนสองชั้น โดยไกด์นำเที่ยวรถบัสจะพาผู้โดยสารทุกคนตระเวนเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ปราสาทโอซาก้าและโอซาก้าสกายบิวดิ้ง ในราคาผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 1,000 เยน

รถบัสลักษณะนี้จะเป็นการนำเที่ยวแบบชมบรรยากาศจากภายในรถบัสโดยไม่ได้ลงไปเดินเที่ยวจริงๆ จึงขอแนะนำสำหรับใครที่ต้องการเที่ยวโอซาก้าแบบทำเวลาเลย

รถไฟใต้ดิน

ในโอซาก้าประกอบด้วยรถไฟใต้ดินทั้งหมด 8 สายด้วยกัน คือ Midosuji Line, Tanimachi Line, Yotsubashi Line, Chuo Line, Sennichimae Line, Sakaisuji Line, Nagahori Tsurumi-ryokuchi Line และ Imazatosuji Line โดยสายรถไฟที่นิยมใช้ในการท่องเที่ยวมากที่สุดเลยก็คือ Midosuji Line (สายสีแดง)นั่นเอง สถานีจอดของ Midosuji Line ล้วนเป็นสถานีรถไฟหลักๆของโอซาก้าทั้งนั้น เช่น นัมบะ, ชินไซบาชิ และอุเมดะ เป็นต้น

Nanko Port Town Line (New Tram)

Nanko Port Town Line คือ สายรถรางที่เชื่อมตั้งแต่ Cosmosquare Station ไปจนถึง Suminoekōen Station

รถแท็กซี่ / รถเช่า

ภายในเมืองโอซาก้าเต็มไปด้วยรถแท็กซี่และรถเช่าให้บริการเพียบ! เนื่องจากที่นี่มีลานจอดรถเยอะกว่าแห่งอื่น สำหรับใครที่ต้องการเที่ยวโอซาก้าแบบตามใจตัวเองจึงขอแนะนำให้เช่ารถขับเองเลยจะดีที่สุด

ข้อมูลการท่องเที่ยวอื่นๆ ในโอซาก้า

สภาพอากาศและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวโอซาก้า

โอซาก้าไม่ค่อยมีฝนตกตลอดทั้งปี แต่ในฤดูร้อนนั้นขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ จึงขอแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์กันรังสียูวีและลมแดดไปให้พร้อมทั้งหมวกและครีมกันแดด รวมถึงน้ำเปล่าด้วย

ส่วนในฤดูหนาวไม่ค่อยมีหิมะตกให้เห็นกันเท่าไหร่นัก แต่ก็มีบ้างในช่วงที่อุณหภูมิลดต่ำมากอย่างรวดเร็ว ยังไงก็เตรียมพวกเสื้อโค้ทหนา ถุงมือ และหมวกกันมาด้วยนะ อย่าประมาท

ความน่าหลงไหลในโอซาก้า!

ว่ากันว่าความเป็นกันเองนับเป็นเอกลักษณ์ของคนโอซาก้าเลยทีเดียว ถ้าเกิดหลงทางขึ้นมาจึงสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้คนตามท้องถนนได้เลยไม่ต้องกลัว

โดยเฉพาะตามถนนร้านค้าในโอซาก้า เราจะได้เพลิดเพลินกับการพูดคุยกับพนักงานร้านอย่างเป็นกันเอง แล้วก็อย่าลืมจำภาษาถิ่นโอซาก้าคำว่า "มาเคเต๊ะ (ลดให้หน่อย)" ไปใช้กันด้วย

แต่ข้อควรระวังเลยก็คือ "บันไดเลื่อน" นั่นเอง เพราะว่าในโอซาก้าจะยืนทางฝั่งขวาแตกต่างจากในโตเกียวที่ยืนฝั่งซ้าย เพียงแค่จำข้อนี้เอาไว้ก็สามารถเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวโอซาก้าได้อย่างสบายใจหายห่วงแล้ว

(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

งานอีเว้นท์ในโอซาก้า

งานอีเว้นท์ในโอซาก้า


(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

เดือนเมษายน : ชมซากุระ


เมื่อย่างเข้าสู่เดือนเมษายน ทั่วทั้งเมืองโอซาก้าก็จะแต่งแต้มไปด้วยซากุระสีสันสดใส โดยเฉพาะ สวนปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle Park) และ ปราสาทคิชิวาดะ (Kishiwada Castle) นับเป็นแหล่งชมซากุระขึ้นชื่อประจำโอซาก้าเลยทีเดียว ในตอนกลางคืนก็จะมีการไลท์อัพให้เราเพลิดเพลินกับซากุระยามค่ำคืนด้วย

เดือนกรกฎาคม : งานเทศกาลเท็นจินมัตสึริ (Tenjin Matsuri Festival)


งานเทศกาลเท็นจินมัตสึริ (Tenjin Matsuri Festival) คือ งานเทศกาลที่จัดขึ้นใน ศาลเจ้าโอซาก้าเท็มมังงู (Osaka Tenman-gu) โดยเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลใหญ่ในญี่ปุ่น (คู่กับงานเทศกาลกิองในเกียวโตและงานเทศกาลคันดะในโตเกียว) เรือที่ประดับโคมไฟสวยงามจะล่องไปตามแม่น้ำโอกาวะแต่งแต้มสีสันให้กับงานเทศกาล

เดือนกันยายน : งานเทศกาลคิชิวาดะดันจิริ (Kishiwada Danjiri Festival)


งานเทศกาลคิชิวาดะดันจิริ (Kishiwada Danjiri Festival) คือ งานเทศกาลลากขบวนรถไม้ที่จัดขึ้นในเมืองคิชิวาดะ โอซาก้า จุดเด่นของที่นี่คือ "ยาริมาวาชิ" การเลี้ยวขบวนรถดันจิริในมุมฉากขณะลากด้วยความเร็วสูง

เดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม : ชมใบไม้เปลี่ยนสี


ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมจะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี โดยเราสามารถเพลิดเพลินกับใบเมเปิ้ลสีแดงและใบแปะก๊วยสีเหลืองได้ภายในสวนปราสาทโอซาก้า

เดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม : ประดับไฟอิลลูมิเนชั่น


ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมจะมีการจัดงานประดับไฟอิลลูมิเนชั่นตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในโอซาก้าไม่ว่าจะเป็นมิโดสึจิ สวนพฤกษศาสตร์นาไก พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง และวันเดอร์สแควร์ในชินอุเมดะซิตี้ เป็นต้น

ภาษาถิ่นโอซาก้าน่ารู้

ภาษาถิ่นโอซาก้าน่ารู้


(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

ภาษาถิ่นโอซาก้าเป็นหนึ่งในภาษาถิ่นคันไซ (คันไซเบ็ง) เหมือนกับภาษาถิ่นเกียวโตและภาษาถิ่นโกเบ ภาษาถิ่นโอซาก้ามีเอกลักษณ์อยู่ที่พูดเร็วเป็นจังหวะจะโคนนี่แหละ เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับภาษาถิ่นโอซาก้าที่ใช้จริงกันหน่อยดีกว่า

1. めっちゃ (เม็จจะ)

めっちゃ (เม็จจะ) หมายถึง มาก เช่น めっちゃ好き (เม็จจะสึคิ) ชอบมาก, めっちゃかっこいい (เม็จจะขักโคอี้) เท่มาก ,めっちゃ似合う (เม็จจะนิอาอุ) เหมาะมาก ,めっちゃ美味しい (เม็จจะโออิชี่) อร่อยมาก เป็นต้น

2. 何でやねん (นันเด๊ะยะเน็น)

何でやねん (นันเด๊ะยะเน็น) หมายถึง "มันเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง?" โดยนิยมใช้เป็นคำตอบรับมุขตลกของอีกฝ่าย

เช่น เมื่อโดนคุณลุงเจ้าของร้านเล่นมุกใส่ว่า "はい、まいど。兄ちゃん700万円ねー (ขอบคุณครับน้อง 7 ล้านเยนครับ)" ให้พูดตอบกลับไปว่า "何でやねん!(ไหงงั้นล่ะลุง!)"

3. まけて (มาเคเต๊ะ)

まけて (มาเคเต๊ะ) หมายถึง ลด (ราคา) ให้หน่อย การซื้อของดีในราคาที่ถูกลงถือเป็นธรรมเนียมของคนโอซาก้าเลยทีเดียว โดยการต่อราคานี้เป็นวัฒนธรรมของโอซาก้ามาตั้งแต่ในอดีตแล้ว

เราไม่สามารถต่อราคาตามห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ก็จริง แต่สามารถทำได้ตามร้านขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและร้านค้าท้องถิ่น สำหรับใครที่อยากได้ของในราคาถูกลงอีกนิดก็ลองนำคำว่า "มาเคเต๊ะ" ไปใช้กันดูเนอะ

4. ほな (โฮนะ)

ほな (โฮนะ) หมายถึง "ไว้พบกันใหม่" หรือใช้ในเวลาที่ต้องการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ตอนที่แยกย้ายกับเพื่อนคนโอซาก้าก็อย่าลืมจำคำว่า "ほな、また (โฮนะ มาตะ)" หรือ "ほな、さいなら (โฮนะ ไซนาระ)" ไปใช้กันน

5. おおきに (โอคินิ)

おおきに (โอคินิ) หมายถึง ขอบคุณ โดยมักจะได้ยินคุณลุงคุณป้าพูดขอบคุณลูกค้าตามถนนร้านค้าอยู่บ่อยๆ

ตั๋วเที่ยวโอซาก้าในราคาสุดคุ้ม

ตั๋วเที่ยวโอซาก้าในราคาสุดคุ้ม


(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

Osaka Wonder Loop Bus (โซนโอซาก้า)

Osaka Amazing Pass คือ ตั๋วบุฟเฟ่ต์ขึ้น-ลงทั้งรถไฟใต้ดินเมืองโอซาก้าและรถบัสสาย Hankyu, Hanshin, Keihan, Nankai, Kintetsu ได้อย่างไม่จำกัด แถมยังพ่วงสิทธิพิเศษในการเข้าชมหอคอยซือเท็นคาคุ ชิงช้าสวรรค์เทมโปซัง สวนสัตว์เท็นโนจิ และอื่นๆ ได้ฟรีอีกด้วย ราคาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ 2,300 เยนเท่ากัน

Aqua Metropolis Osaka enjoy ticket

Aqua Metropolis Osaka enjoy ticket คือ ตั๋วเซ็ตรวม "Bar Ticket" ที่สามารถใช้ได้กับสถานที่ 63 แห่งของทั้ง 8 โซนภายในเมืองโอซาก้าทั้งร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยว "One-Day Pass" สำหรับใช้ขึ้น-ลงรถไฟใต้ดิน รถบัสเมือง และรถรางอย่างอิสระ และ "One Day Cruise" สำหรับใช้ขึ้น-ลงเรือนำเที่ยวเมืองโอซาก้า 3 แบบอย่างไม่จำกัด ราคา 3,300 เยน (รวมภาษี)

"Enjoy Eco Card" ตั๋ว One-day ticket

Enjoy Eco Card คือ ตั๋วบุฟเฟ่ต์ขึ้น-ลงรถไฟใต้ดินเมืองโอซาก้า รถราง (Osaka Municipal Transportation Bureau Nanko Port Town Line) และรถบัสทุกสายได้อย่างไม่จำกัดภายในระยะเวลา 1 วัน ราคาเด็ก 300 เยน ผู้ใหญ่วันธรรมดา 800 เยน วันเสาร์-อาทิตย์ 600 เยน

อาหารในโอซาก้า

อาหารในโอซาก้า


(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

ทาโกะยากิ


"ทาโกะยากิ" คือ เมนูที่ทำโดยการนำปลาหมึกยักษ์ไปผสมกับแป้งสาลีและวัตถุดิบอื่นๆ หลังจากนั้นก็นำไปหยอดใส่เตาหลุมได้ออกมาเป็นก้อนกลมขนาดพอดีคำ ราดหน้าด้วยมายองเนสและปลาแห้งให้เราได้เพลิดเพลินกับรสสัมผัสนุ่มลิ้นและกลิ่นหอมฉุยที่กระจายไปทั่วปาก

โอโคโนะมิยากิ


"โอโคโนะมิยากิ" หรือที่คนไทยเรียกกันว่าพิซซ่าญี่ปุ่น คือ เมนูที่ทำโดยการผสมวัตถุดิบต่างๆเข้ากับแป้งสาลีและกะหล่ำปลี หลังจากนั้นก็นำไปย่างบนเตาเหล็ก โดยมีวัตถุดิบให้เลือกใส่เพิ่มมากมายนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นมันยามะอิโมะ ปลา เนื้อหมู โมจิ และชีส เป็นต้น

ทอมเปยากิ


"ทอมเปยากิ" คือ เมนูยอดนิยมของโอซาก้ารองจากโอโคโนะมิยากิและทาโกะยากิเลยทีเดียว โดยเป็นเนื้อหมูผัดกะหล่ำปลีห่อไข่ราดซอสและโรยหน้าด้วยสาหร่าย

เนงิยากิ

"เนงิยากิ" คือ เมนูแป้งเหมือนกับโอโคโนะมิยากิ โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้กะหล่ำปลีเป็นวัตถุดิบในการทำโอโคโนะมิยากิ แต่เมนูนี้จะใช้ต้นหอมแทนกะหล่ำปลี เรียกได้ว่าเป็นเมนูยอดนิยมของภูมิภาคคันไซโดยเฉพาะในโอซาก้า

คุชิคัตสึ


"คุชิคัตสึ" คือ เมนูทอดโดยใช้วัตถุดิบต่างๆ เช่น เนื้อสัตว์ ผัก หรือปลา มาเสียบไม้ชุบแป้งทอด วิธีทานคือเมื่อได้ของทอดที่สั่งมาแล้วให้เอาไปจิ้มซอสในถ้วยซอสที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ และเนื่องจากถ้วยซอสนี้จะใช้ร่วมกันกับลูกค้าคนอื่นๆ หลังจากกัดทานไปแล้วจึงไม่สามารถจิ้มซอสเพิ่มได้อีก

"คาซุอุด้ง" อุด้งน้ำซุปสไตล์คันไซ


"คาซุอุด้ง" คือ อุด้งใส่เครื่องในวัวทอดน้ำมันรสสัมผัสหยุ่นๆ สุดฟิน อุด้งและโซบะของโอซาก้านั้นมีเอกลักษณ์อยู่ที่ทสึยุมีรสชาติเบาๆ สไตล์คันไซแตกต่างจากของโตเกียว

แกงกะหรี่ร้าน "จิยูเค็ง (Jiyuken)"

แกงกะหรี่ร้าน "จิยูเค็ง (Jiyuken)" เป็นเมนูที่ไม่สามารถหาทานจากที่ไหนในโลกได้นอกจากที่นี่เท่านั้น วัตถุดิบของเมนูนี้จะมีเพียงหอมใหญ่และเนื้อวัวเท่านั้น เราจึงจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติต้นตำรับของแกงกะหรี่เพียวๆ เน้นๆ เต็มคำ

ซาลาเปาไส้หมูสับร้าน "551 โฮไร (551 Horai)"

ซาลาเปาไส้หมูสับร้าน "551 โฮไร (551 Horai)" เป็นซาลาเปาไส้หมูสับลูกใหญ่ปั้นด้วยมือ กลิ่นและรสของหอมหัวใหญ่รสหวานกับเนื้อหมูชุ่มฉ่ำกระจายในปากฟินสุดๆ เนื่องจากมีส่วนประกอบเป็นเนื้อหมูด้วย สำหรับใครที่ต้องการซื้อกลับไปเป็นของฝากจึงควรเช็คกฎหมายการนำเข้าประเทศก่อน

เราสามารถหาทานเมนูขึ้นชื่อประจำโอซาก้าเหล่านี้ได้ตามแหล่งรวมร้านอาหารที่ย่าน โดทงโบริ และ ชินเซไค ถ้าได้มาโอซาก้ากันละก็ อย่าลืมแวะมาลิ้มลองเมนูในดวงใจของชาวเมืองโอซาก้ากันด้วยนะ

ของฝากจากโอซาก้า


ขนมปังกรอบนากาโนะชิมะ (Nakanoshima Rusk) และขนมเปี๊ยะญี่ปุ่นไส้ถั่วอย่างสึคิเกะโช (Tsukigesho) อย่างในรูปด้านบนก็เป็นขนมยอดนิยมของโอซาก้าที่ผู้คนนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก


อีกอย่างที่พลาดไม่ได้เช่นกันคือ "เทมปุระใบเมเปิ้ล" ของขึ้นชื่อประจำเมืองมิโน

โรงแรมที่พักในโอซาก้า

โรงแรมที่พักในโอซาก้า

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ osaka hotel

(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

ในโอซาก้าเต็มไปด้วยโรงแรมมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจตั้งแต่โรงแรมที่มีหุ้นส่วนต่างชาติอย่าง The Ritz Carlton, Osaka และ Hilton Osaka ไปจนถึงเรียวกัง และบิสิเนสโฮเต็ล (โรงแรมราคาย่อมเยาซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปติดต่องานต่างเมือง)

ถ้าอยากลองพักที่พักในแบบย้อนยุคแสนอบอุ่นลองดูที่ HOSTEL mokumoku เกสต์เฮ้าส์บรรยากาศเก่าแก่ที่รีโนเวทมาจากบ้านทรงยาวอายุกว่า 60 ปี สำหรับลูกค้าที่เข้าพักจะได้รับแพ็คเกจสุดคุ้มในการใช้บริการโรงอาบน้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่ติดกับเกสต์เฮ้าส์ได้อย่างไม่จำกัด

นอกจากนี้ก็ยังมีเลิฟโฮเทลที่ตกแต่งภายในอย่างมีเอกลักษณ์เป็นสไตล์ปราสาทญี่ปุ่นอย่าง Hotel Fuki ด้วย ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวโอซาก้าโดยเลือกเข้าพักในโรงแรมที่ถูกใจกัน

ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแสนสะดวกในยามฉุกเฉิน

ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแสนสะดวกในยามฉุกเฉิน



(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

Kansai Tourist Information Center KIX (KTIC) คือ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่สามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยว จำหน่ายตั๋วท่องเที่ยว บริการรับฝากสัมภาระและส่งของ รวมถึงใช้เป็นแหล่งค้นหาข้อมูลผ่านบริการ Free Wi-Fi ได้ แถมยังมีการจัดเตรียมแผ่นพับนำเที่ยวเอาไว้อย่างครบครันอีกต่างหาก โดยตั้งอยู่ในย่านชินไซบาชิ 2 แห่งด้วยกัน

เราสามารถซื้อตั๋วท่องเที่ยวสุดคุ้ม เช่น ตั๋วท่องเที่ยวโอซาก้าและคันไซในราคาสุดคุ้ม ได้ที่นี่เลย สำหรับใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลด้านการท่องเที่ยวหรือตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินก็สามารถแวะมาที่นี่ได้เลย

วิธีการเดินทางไปยังโอซาก้า


(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Matcha-JP.com มาให้ความรู้นะครับ)

วิธีการเดินทางมาจากสถานีโตเกียว


"ชินคันเซ็น" เป็นยานพาหนะที่สะดวกรวดเร็วที่สุดในการเดินทางจากโตเกียวมาถึงโอซาก้า จาก JR Tokyo Station มาถึง JR Shin-Osaka Station ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ค่าโดยสารประมาณ 15,000 เยน ชินคันเซ็นนั้นนั่งสบาย ตัวรถก็ไม่ค่อยสั่นสะเทือนเวลาวิ่ง แถมที่นั่งยังสะอาดอีกต่างหาก เราจึงสามารถเดินทางมาถึงโอซาก้าได้อย่างสะดวกสบายทั้งกายและใจ นอกจากนี้ก็ยังใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่าพาหนะอื่นๆอีก...

วิธีการเดินทางมาจากสนามบินฮาเนดะ

เราสามารถเดินทางมาจากสนามบินฮาเนดะได้โดยการนั่ง Keikyu Airport Line Airport Express ไปยัง Shinagawa Station และนั่งชินคันเซ็นต่อจาก Shinagawa Station มาถึง Shin-Osaka Station ค่าโดยสาร 14,030 เยน ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

วิธีการเดินทางมาจากสนามบินนาริตะ

เราสามารถเดินทางมาจากสนามบินนาริตะได้โดยการนั่ง Narita Express ไปยัง Shinagawa Station และนั่งชินคันเซ็นต่อจาก Shinagawa Station มาถึง Shin-Osaka Station ค่าโดยสาร 16,180 เยน ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

วิธีการนั่งรถบัสด่วนมาจากโตเกียว

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีการเดินทางที่ราคาไม่แพงหรือไม่อยากเสียเวลาท่องเที่ยวไปกับการเดินทางก็ขอแนะนำเป็น "รถบัสด่วน" เลยจ้า ถ้าเกิดซื้อตั๋วบุฟเฟ่ต์ขึ้น-ลงรถบัสด่วนอย่าง Japan Bus Pass สำหรับนักท่องเที่ยวล่ะก็รับรองว่าจะสามารถตระเวนเที่ยวหลายๆ เมืองได้ในราคาถูกอย่างแน่นอน

วิธีการเดินทางมาจากสนามบินนานาชาติคันไซ

เราสามารถนั่ง JR Kanku Rapid จากสนามบินนานาชาติคันไซมาถึงโอซาก้าได้อย่างสะดวกสบาย โดยใช้เวลาประมาณ 65 นาทีในการเดินทางมาถึง Osaka Station ค่าโดยสาร 1,190 เยน

Osaka Aquarium หรือไคยูคัง (Kaiyukan) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น


(ขออนุญาตนำบทความจากเว็บไซต์ Komachi JP มาให้ความรู้นะครับ)

             พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลโอซาก้า (Osaka Aquarium) หรือไคยูคัง (Kaiyukan) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขอบอกว่าคุ้มค่าและต้องมาให้ได้อีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น


             ตั้งอยู่ที่ Tempozan Harbor Village บริเวณอ่าวโอซาก้า นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าทำเอาผู้ใหญ่อย่างเราๆ ถึงกับร้องว้าว ไม่ต้องพูดถึงเด็กๆ รับรองถูกใจแน่นอน


             เส้นทางเดินชมในไคยูคังเริ่มต้นด้วย “ทางผ่านของปลา: Aqua Gate” ที่เป็นอุโมงค์ปลาขนาดใหญ่ ต่อจากนั้นจะเป็นการเดินเข้าสู่ “ป่าญี่ปุ่น : Japan Forest” ที่ช่องแสงอาทิตย์ส่องลงมายังสัตว์น้อยได้


             ช่วงนี้ของไคยูคังจะเป็นบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร


             มีสัตว์หายาก เป็ดป่านานาชนิด


             อาศัยกันแบบธรรมชาติ


             แมวน้ำตัวใหญ่ๆ ฉลาดมาก


             ช่วงเราไปเที่ยวเป็นเวลาให้อาหารพอดีเลย


             ต่อด้วยเพนกวิน


             ถึงบอกว่าที่นี่คุ้มมากค่ะ ครบครัน


             ได้ชมเพนกวินด้วย


             จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว


             จากนั้น เราก็จะเดินต่อไปยังเส้นทางจากพื้นดินถึงก้นทะเลรอบมหาสมุทรแปซิฟิก 2 รอบ โดยไฮไลท์อยู่ที่ตู้ปลา “มหาสมุทรแปซิฟิก” ที่บรรจุน้ำ 5,400 ตัน


             มี “ปลาฉลามวาฬ” ซึ่งเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกว่ายน้ำอยู่


             ไคยูคังจึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ได้จัดแสดงแต่เพียงปลาเท่านั้น ยังมีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง รวมถึงพืชพันธุ์ต่างๆ คิดเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 30,000 ชีวิต ประมาณ 620 สายพันธุ์ โดยเราได้จำลองธรรมชาติรอบมหาสมุทรแปซิฟิก (ข้อมูลจาก)


             ไคยูคัง (Kaiyukan) เป็นเสมือนแหล่งรวมสัตว์น้ำหลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก


             โดยจะจัด แสดงไว้เป็นลำดับเริ่มจากชีวิตของสัตว์น้ำ และสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ในป่าหาชมยาก โดยตู้อะควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดคือCentral Tank มีความลึก 9 เมตร โดยมีฉลามวาฬขนาดยักษ์ว่ายวนเวียนอยู่ในตู้


             ไคยูคังต้องการที่จะบอกคนจำนวนมากถึงความงดงามของสิ่งมีชีวิต คุณค่าของชีวิต


             และความสำคัญของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้


             ดังนั้นไคยูคังจึงให้ความสำคัญกับชีวิตของสัตว์ป่าที่มีคุณค่านี้


             และใช้ความพยายามอย่างมากในงานวิจัยและอนุรักษ์ พร้อมกับร่วมมือกับบุคคลจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับทะเลและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในไคยูคัง


             การเดินชมนั้นจะเริ่มตั้งแต่ชั้นบนลงมาได้เรื่อยๆ


             จากชั้น 8 มาจนถึงชั้นล่างสุด


             เป็นคอนเซ็ปต์ง่ายๆคือ เดินจากผืนแผ่นดินลงสู่ก้นมหาสมุทรอันมืดมิดอย่างนั้น


             ปลากระเบนยักษ์


             ซึ่งในแต่ละชั้นก็จับได้ชมสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในความลึกที่ต่างกัน


             เรียกได้ว่าจำลองชีวิตของสัตว์น้ำได้อย่างสมจริงมากๆ


             เห็นทุกท่วงท่าการว่ายน้ำ


             สำหรับพระเอกของงานที่หายากมากกว่าเราจะเดินวนหาเจอก็คือเจ้าปลาที่เหมือนถูกกัดหายไปครึ่งตัวนี่เอง
             จริงๆ แล้วปลาน้อยหน้าตาประหลาดตัวนี้คือปลาพระอาทิตย์ (Ocean Sunfish) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โมลา โมล่า ( Mola mola ) อยู่ในวงศ์ Molidae ซึ่งเป็นญาติกับกลุ่มปลาปักเป้านั่นเอง


             เหมือว่าเราเดินค่อยๆ ลงไปก้นมหาสมุทรนั่นเอง ก็จะเจอสัตว์ประหลาดเช่นปูยักษ์แบบนี้


             โดยส่วนสุดท้าย จะเป็นทะเลใต้มหาสมุทรอันมืดสนิท


             เราก็จะได้เห็นเหล่าแมงกะพรุนน้อยใหญ่สีสันสวยงามสะท้อนแสงวายอวดโฉมพิสดารอยู่ให้ชมกัน


             แมงกระพรุนเส้นสายสวยงามเหมือนงานศิลปะ



             แนะนำให้ตรวจสอบเวลาการให้อาหารของสัตวแต่ละชนิดไว้ก่อน ตามตารางข้างบน เพื่อจะได้เห็นภาพหายาก เที่ยวคุ้มค่าสุดๆ ไปเลยงานนี้


             เวลาเปิดให้บริการ 10.00 น. – 20.00 น. * เข้าชมรอบสุดท้ายได้ก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง* เวลาปิดให้เข้าชมจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล


             สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีบริการหูฟังบรรยายในราคา 500 เยน แต่ไม่มีภาษาไทยนะคะ ก็ฟังภาษาอังกฤษเอาแล้วกันค่ะ ส่วนเราก็ไม่ได้เช่าค่ะตอนไปฟัง อ่านญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยออก ใช้ดูอย่างเดียวก็ได้อรรถรสแล้ว


ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 2,300 เยน
– อายุ 60 ปีขึ้นไป 2,000 เยน
– เด็กอายุ 7-15 ปี 1,200 เยน
– เด็กเล็ก 4 – 6 ปี 600 เยน
– อายุต่ำกว่า 4 ขวบ ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเช้าชม
*หากมี Osaka Amazing Pass จะได้รับส่วนลดค่าเข้า 100 เยน
จาก 2,300 เยน เหลือ 2,200 เยน

เวลาเปิด-ปิด: 10:00 – 20:00 น. (ตุลาคม – กลางเดือนสิงหาคม: 9:30 – 20:00 น. )

วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน


แผนที่